โรคทางตา (Eye disease) คือความผิดปกติต่างๆที่เกิดขึ้นกับตา หรือดวงตาและอาจส่งผลถึงการมองเห็นได้
ตา เป็นอวัยวะที่อยู่บนใบหน้า มีเป็นคู่ (ซ้าย ขวา) มีหน้าที่สำคัญ คือ การมองเห็น และยังช่วยสมอง,หูชั้นใน เกี่ยวกับการทรงตัวและเป็นส่วนหนึ่งของความสวยงาม
ตา ประกอบด้วยเนื้อเยื้อหลายชนิด เช่น หนังตา ขนตา เยื้อบุตา กระจกตา จอตา แก้วตา ผนังลูกตาชั้นกลาง และประสาทตา
โรคตา เป็นโรคที่พบได้บ่อย พบได้ในทุกอายุ ไปจนถึงเด็กแรกเกิดจนถึงผู้สูงอายุโดยพบได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคตา
อาจเกิดจากสาเหตุเดียว หรือเกิดจากหลายสาเหตุรวมกัน โดยสาเหตุที่พบได้บ่อย คือ
- อายุ อายุที่สูงขึ้น จะพบโรคตาบางชนิดที่เกิดจากการเสื่อมลงของร่างกายตามอายุที่มากขึ้น ซึ่่งรวมถึงเนื้อเยื้อของลูกตา เช่น สายตายาวในผู้สูงอายุ ต้อกระจก ต้อหิน และ โรควุ้นในตาเสื่อม เป็นต้น
- การติดเชื่อ อาจเกิดจาการติดเชื้อไวรัส หรือเชื้อแบคทีเรีย เช่น โรคตาแดงจากไวรัส ตากุ้งยิง ริดสีดวงที่ตา
- จากการได้รับแสงแดดจัดเรื้อรัง เช่น ผู้ที่มีอาชีททำงานกลางแจ้ง ซึ่งโรคตาที่พบได้บ่อยในภาวะนี้ คือ ต้อลม/ต้อเนื้อ ต้อกระจก
- โรคความผิดปกติในการใช้พลังงานของร่างกาย (Metabolic syndrome) เช่น โรคเบาหวานขึ้นตา ความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง
- ความผิดปกติทางพันธุกรรม เช่น โรคตาบอดสี โรคตาขี้เกียจ โรคต้อหิน ตาบอดกลางคืน สายตาผิดปกติที่เกิดจากการหักเหของแสงในเด็ก ตาเข/ตาเหล่ในเด็ก
- จากการขาดสารอาหาร โดยเฉพาะการขาดวิตามิน A เช่น ตาบอดกลางคืน
- โรคออโตอิมมูน เช่น โรคพังผืดที่จอตา
- โรคมะเร็งของดวงตา เช่น โรคตาวาว (โรคมะเร็งตาในเด็ก)
- อุบัติเหตุ
- อื่นๆ เช่นโรคที่มาจากคอมพิวเตอร์ สารเคมีเข้าตา โรคเนื้องอกในสมองที่ส่งผลให้เกิด ตาเข/ตาเหล่
ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคตา
- ยิ่งอายุสูงขึ้น ยิ่งทำให้เกิดโรคทางตาสูง
- ตาถูกแสงแดดจัดเรื้อรัง เช่น เกษตรกร หรือการมองแสงจ้าตลอดเวลา เช่น ช่างเชื่อมโลหะ
- ขาดอาการ กินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ เช่น ขาดวิตามิน A
- มีคนในของครอบมีโรคทางตา
- มีโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น เบาหวาน
- สูบบุหรี่ รวมทั้งการได้รับควันบุหรี่เรื้อรัง (Secondhand Smoke) เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดการเสื่อมของจอตา และโรคต้อกระจก
อาการของโรคตา
อาการที่สำคัญของโรคตาที่สำคัญ คือ มีความผิดปกติในการมองเห็น เช่น เห็นภาพพร่ามัว เห็นภาพไม่ชัด เห็นภาพบิดเบี้ยว เห็นภาพแหว่งไม่เต็มภาพ เห็นภาพซ้อน เห็นภาพแคบลงกว่าเดิม เช่น เห็นเฉพาะแค่ภาพตรงหน้า ไม่สามารถมองเห็นภาพด้านข้างได้ เห็นคล้ายมีจุดหรือแผ่นดำลอยไปมา
นอกจากนี้ อาการอื่นๆที่มักเกิดร่วมด้วย ทั้งนี้ขึ้นกับสาเหตุ เช่น
- ปวดศีรษะเรื้อรัง โดยเฉพาะเมื่อต้งใช้สายตา ซึ่งมักเป็นอาการจากสายตาผิดปกติจกาการหักเหของแสง เช่น สายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง หรือเนื้องอกในสมอง
- ปวดตา เมื่อมีกอนเนือ้ในตา หรือมีสายตาผิดปกติ
- มีขี้ตา เมื่อเกิดจากการติดเชื้อ เช่น โรคริดสีดวงตา หรือมีการระค่ยเคืองเยื้อบุตา เช่นภาวะตาแห้ง
- หนังตาตก โดยเฉพาะหนังตาตกข้างเดียว อาจเกิดจากเนื้องอกในสมอง
- ตาเข/ตาเหล่ ที่ไม่ได้เกิดแต่กำเนิด
- อาการจากการอักเสบ เช่น ตาบวม แดง ร้อน ร่วมกับอาการมีไข้
รักษาโรคตาอย่างไร
แนวทางการรักษาโรคตา คือ การรักษาสาเหตุ และการรักษาประคับประคองตามอาการ
- การรักษาสาเหตุ ซึ่งจะแตกต่างกันไปขึ้นกับแตะละสาเหตุ เช่นการใช้แว่นตา หรือคอนเทคเลนส์/เลนส์สัมผัส แก้ไข ปัญหาสายตาผิดปกติที่เกิดจาการหักเหของแสง เช่นสายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง การรักษาโรคต้อกระจกด้วยการผ่าตัด หรือด้วยการฝังแก้วตาเทียม
- การรักษษประคับประคองตามอาการ เช่น การใช้ยาแก้ปวดเมื่อมีอาการปวดตา เป็นต้น
การดูแลตนเอง / ควรพบแพทย์หรือไม่
การดูแลตนเองที่สำคัญที่สุดเมื่อเกิดโรคตา คือ เมื่อมีความผิดปกติทางตาโดยเฉพาะการมองเห็น ควรรีบพบจักษุแพทย์เสมอ แต่เมื่อได้รับการวินิจฉัยว่า เป็นโรคตาการดูแลตนเอง และการพบแพทย์คือ
- ปฏิบัติตาแพทม์/จักษุแพทย์ พยาบาลแนะนำให้ถูกต้องครบถ้วน และต้องไม่ขาดยา
- กินอาหารมีประโยชน์ หมู่ให้ครบในทุกมื้ออาหาร โดยเฉพาะอาหารที่มีวิตามินเอสูง
- รู้จักพักใช้สายตาเมื่อต้องใช้สายตามาก ตามแพทย์/จักษุแพทย์ พยาบาลแนะนำ เช่นการใช้งานคอมพิวเตอร์
- ไม่ขยี้ตา
- สวมใส่แว่นกันแดดชนิดที่ป้องกันแสงยูวี (แสงแดด) ได้อย่างน้อย 90% เมื่อต้องออกนอกบ้าน หรือออกแดดเสมอเพื่อป้องกันตาจากแสงแดดและฝุ่นละออง
- รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน ป้องกันตาติดเชื้อ
- ป้องกัน รักษา ควบคุมโรคที่เป็นสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยง เช่น โรคเบาหวาน เป็นต้น
- เลิกบุหรี่ ไม่สูบบุหรี่ เพราะสาารพิษในบุหรี่จะส่งผลให้เกิดโรคของหลอดเลือด ซุ่งรวมถึงหลอดเลือดของตาด้วย
- พบแพทย์/จักษุแพทย์ ตามนัดเสมอ